การบริหารจัดการความเสี่ยง

AWC ตระหนักและให้ความสำคัญมากกว่ากับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างยั่งยืนทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่ระดับองค์กรไปจนถึงระดับปฏิบัติการในทุกหน่วยธุรกิจ จัดให้มีระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงและวิกฤตเพื่อให้มั่นใจว่า AWC จะสามารถพิจารณาตัดสินความเสี่ยงและโอกาสสำหรับ AWC ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนกำหนดกลยุทธ์และแผนบรรเทาความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อลดความน่าจะเป็นและ/หรือการสูญเสียให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และ/หรือเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติม

AWC ได้กำหนดกรอบการทำงานในการบริหารจัดการความเสี่ยงของกิจการ (Enterprise Risk Management Framework) ตามมาตรฐานสากลของคณะกรรมการองค์กรสนับสนุนของคณะกรรมการ Treadway (The Committee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission) หรือ การบริหารจัดการความเสี่ยงของกิจการของ COSO (COSO Enterprise Risk Management) พ.ศ. 2560 (2017) AWC ได้ประยุกต์ใช้กรอบการทำงานทั่วทั้งองค์กรด้วย นโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยง

การกำกับดูแลความเสี่ยง

AWC ตระหนักถึงความสำคัญอย่างยิ่งของกรอบการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อระบุ ประเมิน จัดการ และบรรเทาความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรอบการทำงานของบริษัทได้รับการออกแบบเพื่อให้มั่นใจว่า การจัดการความเสี่ยงนั้นเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเชิงกลยุทธ์และการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งจะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยปฏิบัติตามโมเดล Three Lines of Defense ซึ่งเป็นกรอบการกำกับดูแลที่ได้รับการยอมรับ เพื่อแบ่งแยกความรับผิดชอบและความรับผิดชอบในการจัดการความเสี่ยงอย่างชัดเจนทั่วทั้งองค์กร กระบวนการนี้จะได้รับการตรวจสอบโดย MRMC (ระดับการจัดการ) และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (ระดับคณะกรรมการ) เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลมีความถูกต้อง

การมีส่วนร่วมของผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการ

ผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการบริษัทของบริษัทมีบทบาทสำคัญในการจัดการความเสี่ยง คณะกรรมการมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบการจัดการความเสี่ยงและกำหนดความเสี่ยงที่บริษัทพร้อมรับมือ โดยผู้บริหารระดับสูงมีหน้าที่นำทิศทางเชิงกลยุทธ์จากคณะกรรมการไปสู่การดำนเนินการเชิงนโยบายและการดำเนินงานจริง เพื่อให้แน่ใจว่ามีการนำไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินการ และการติดตาม รายงานประจำเกี่ยวกับกิจกรรมการจัดการความเสี่ยงและตัวชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญจะถูกนำเสนอให้คณะกรรมการ เพื่อช่วยในการตัดสินใจแบบเชิงรุกโดยมีข้อมูลและการจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นรูปธรรม

แนวทางการป้องกัน 3 ชั้น (Three Lines of Defense)

แนวป้องกันที่ 1: การจัดการปฏิบัติการ (หน่วยธุรกิจ)

การจัดการปฏิบัติการเป็นแนวป้องกันครั้งแรก ผู้บริหารและพนักงานในหน่วยธุรกิจมีความรับผิดชอบโดยตรงในการจัดการความเสี่ยงและดำเนินการตามกระบวนการและการควบคุมที่จำเป็น พวกเขามีหน้าที่เป็นเจ้าของและจัดการความเสี่ยงในแต่ละวัน โดยรับรองว่ากระบวนการจัดการความเสี่ยงได้รับการฝังเข้าไปในกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัทและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้รับการจัดการในระดับที่ยอมรับได้ ความรับผิดชอบหลักประกอบด้วย:

  • การระบุและประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของตน
  • การดำเนินการกลยุทธ์การบรรเทาความเสี่ยง กระบวนการ และการควบคุมภายใน
  • การติดตามและรายงานเกี่ยวกับความมีประสิทธิภาพของการควบคุมเหล่านี้

แนวป้องกันครั้งที่สอง: การจัดการความเสี่ยง การปฏิบัติตามกฎระเบียบ หน่วยงานสนับสนุนอื่น ๆ และคณะกรรมการ

แนวป้องกันครั้งที่สองประกอบด้วยฟังก์ชันการจัดการความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เชี่ยวชาญ รวมถึงบทบาทสนับสนุนอื่น ๆ ที่ให้การตรวจสอบและสนับสนุนแนวป้องกันครั้งแรก ฟังก์ชันเหล่านี้พัฒนารักษานโยบายการจัดการความเสี่ยง กระบวนการที่เกี่ยวข้อง กรอบการทำงาน และแบบฟอร์มต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการปฏิบัติการจัดการความเสี่ยงของบริษัทสอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ของบริษัท ความรับผิดชอบหลักประกอบด้วย:

  • การพัฒนานโยบาย ขั้นตอน และกรอบการทำงานการจัดการความเสี่ยง
  • การให้คำแนะนำ คำปรึกษา และการสนับสนุนผู้จัดการปฏิบัติการในเรื่องที่เกี่ยวกับความเสี่ยง
  • การติดตามความสอดคล้องกับนโยบายการจัดการความเสี่ยงและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ
  • การดำเนินการประเมินความเสี่ยงและรายงานความเสี่ยงต่อผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการ

แนวป้องกันครั้งที่สาม: การตรวจสอบภายใน

แนวป้องกันครั้งที่สามเกิดจากฟังก์ชันการตรวจสอบภายใน ซึ่งดำเนินการอย่างอิสระจากแนวป้องกันครั้งแรกและครั้งที่สอง โดยจะดำเนินการอย่างน้อยทุก ๆ 2 ปี การตรวจสอบภายในให้ความมั่นใจกับคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการจัดการความเสี่ยง การควบคุม และกระบวนการกำกับดูแล ความรับผิดชอบหลักประกอบด้วย:

  • การดำเนินการตรวจสอบอิสระเกี่ยวกับกิจกรรมการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมภายใน
  • การประเมินความเพียงพอและประสิทธิผลของกรอบการกำกับดูแลความเสี่ยง
  • การรายงานผลการตรวจสอบและคำแนะนำต่อผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการ
  • การติดตามการดำเนินการตามคำแนะนำการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยความเสี่ยง

AWC เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายประเภทซึ่งครอบคลุมธุรกิจการบริการ ธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจอาคารพาณิชย์ และที่ดินแบบผสมผสาน ในการดำเนินธุรกิจ AWC ตระหนักถึงความเสี่ยงบางประการที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงานของบริษัท และแนวโน้มในอนาคตของบริษัท ดังนั้น AWC จึงวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดอย่างต่อเนื่องทั้งภายในและภายนอก โดยครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ตลอดจนพัฒนาการดำเนินการบรรเทาความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบของความเสี่ยงที่ถูกระบุและช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายตามกลยุทธ์และทิศทางของเราได้ AWC พิจารณาว่าความเสี่ยงหลักเป็นความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อธุรกิจของ AWC และเปิดเผยข้อมูลในรายงานประจำปี

บริษัทมุ่งมั่นที่จะรักษากรอบการจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่งซึ่งรับประกันการระบุและจัดการความเสี่ยงอย่างครอบคลุม วิธีการของบริษัทมีโครงสร้างรอบกระบวนการที่เป็นระบบซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ 1) การระบุความเสี่ยง 2) การประเมินความเสี่ยง 3) การระบุการควบคุม 4) การดำเนินการบรรเทาความเสี่ยง และ 5) การติดตามและรายงานความเสี่ยง วิธีการที่มีโครงสร้างนี้ช่วยให้บริษัทสามารถระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเชิงรุก เพื่อให้มั่นใจว่าเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงถูกบรรลุอย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัทใช้แนวทางที่เข้มงวดในการประเมินความเสี่ยง โดยพิจารณาถึงปัจจัยเฉพาะด้านตามบริบทของธุรกิจและอุตสาหกรรม ในกระบวนการประเมินความเสี่ยง บริษัทใช้แมทริกซ์ 5x5 เพื่อประเมินความน่าจะเป็นและผลกระทบของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แมทริกซ์นี้ช่วยให้บริษัทสามารถประเมินและจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ โดยพิจารณาจากความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นและขนาดของผลกระทบ

แมทริกซ์ 5x5 ให้วิธีการที่มีโครงสร้างในการประเมินความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นของความเสี่ยง มาตรการเหล่านี้ช่วยให้บริษัทเข้าใจผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นหากความเสี่ยงกลายเป็นจริง แม้ว่าจะไม่บ่งชี้ถึงความน่าจะเป็นของเหตุการณ์เหล่านั้น โดยการจัดประเภทความเสี่ยงตามมาตราส่วนจากความน่าจะเป็นต่ำไปสูงและผลกระทบ บริษัทสามารถจัดลำดับความสำคัญของความพยายามในการจัดการความเสี่ยงและจัดสรรทรัพยากรเพื่อบรรเทาอันตรายที่สำคัญที่สุด

เพื่อแสดงความเสี่ยงของบริษัทเพิ่มเติม บริษัทพัฒนากราฟความร้อน (Risk Heat Map) (ตามที่แสดงด้านล่าง) กราฟความร้อนนี้แสดงภาพความเสี่ยงที่ระบุ โดยเน้นพื้นที่ที่มีความเข้มข้นของความเสี่ยงสูง และช่วยให้บริษัทสามารถมุ่งเน้นกลยุทธ์การบรรเทาความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม เครื่องมือนี้ช่วยเสริมความสามารถของบริษัทในการสื่อสารความเสี่ยงอย่างชัดเจนต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสนับสนุนการตัดสินใจที่มีข้อมูลที่ถูกต้องในทุกระดับขององค์กร

แผนภูมิความเสี่ยงองค์กร

สำหรับความเสี่ยงที่ได้รับการระบุแต่ละรายการ บริษัทมุ่งหวังที่จะลดระดับความเสี่ยงให้อยู่ภายในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (ต่ำกว่ากรอบดำ) กระบวนการประเมินอย่างละเอียดนี้ช่วยให้บริษัทเตรียมความพร้อมในการจัดการกับความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินงาน ผลการดำเนินงานทางการเงิน และวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของบริษัท โดยการติดตามและปรับปรุงการประเมินความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง

บริษัทมุ่งหวังที่จะรักษากรอบการจัดการความเสี่ยงที่เชิงรุกและยืดหยุ่น ซึ่งสนับสนุนความยั่งยืนและความสำเร็จในระยะยาว โดยรายละเอียดของปัจจัยความเสี่ยงที่บริษัทพิจารณาว่าสำคัญและอาจมีผลกระทบต่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจมีดังนี้:

นอกจากการพิจารณาความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน บริษัทยังคำนึงถึงความเสี่ยงใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ในปี 2024 บริษัท AWC ได้ระบุและประเมินความเสี่ยงใหม่ดังต่อไปนี้:

การทบทวนความเสี่ยง

บริษัทให้ความสำคัญกับการทบทวนความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัททำการทบทวนโปรไฟล์ความเสี่ยงอย่างน้อยทุกไตรมาส ซึ่งครอบคลุมการตรวจสอบความเสี่ยงอย่างละเอียด การติดตามความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และการประเมินตัวชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญ (KRI)

แนวทางการบริหารจัดการแบบสองชั้นนี้ช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้และตอบสนองต่อความเสี่ยงใหม่ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงของความเสี่ยงที่มีอยู่ได้อย่างทันท่วงที ด้วยการติดตามตัวชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงให้สอดคล้องกับสถานการณ์และทันสมัยอยู่เสมอ การบริหารจัดการเชิงรุกนี้ช่วยให้ความเสี่ยงที่บริษัทยอมรับได้และมาตรการป้องกันความเสี่ยงยังคงสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

การทบทวนความเสี่ยงอย่างละเอียดและสม่ำเสมอแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างระบบการจัดการความเสี่ยงที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แต่ยังช่วยให้บริษัทบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และสร้างความยั่งยืนในระยะยาวได้อย่างมั่นคง

การส่งเสริมวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงในองค์กร

คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง และได้กำหนดแนวทางพัฒนาให้การบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร โดยบูรณาการเข้ากับกระบวนการปฏิบัติงาน เช่น กำหนดให้การประเมินความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาและนำเสนอบริการใหม่ของบริษัท โดยมีการวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและกำหนดมาตรการรองรับอย่างเหมาะสมเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ เพื่อสร้างความตระหนักและส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการบริหารความเสี่ยงอย่างจริงจัง บริษัทยังได้กำหนดให้มีการประเมินผลสำเร็จด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการประเมิน KPIs และเชื่อมโยงกับการให้ผลตอบแทนแก่ผู้บริหารและพนักงาน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการสร้างความรับผิดชอบและเสริมแรงขับเคลื่อนให้การบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อยกระดับการพัฒนาองค์กรแบบองค์รวมอย่างเป็นระบบพร้อมทั้งเสริมความเข้มแข็งให้กับกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัท ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้กำหนดแผนแม่บทสำคัญที่มุ่งเน้นการสร้างผลลัพธ์ด้วยโมเดล เครื่องยนต์อันทรงพลังสำหรับพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท (AWC Powerful Engine for Real estate development) แผนแม่บทดังกล่าวประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 6 ประการ ได้แก่

การสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงในองค์กร

ในปี 2567 บริษัท AWC ได้จัดโปรแกรมฝึกอบรมเชิงลึกด้านการกำกับดูแลความเสี่ยงสำหรับคณะกรรมการบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นในการรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร

หัวข้อสำคัญที่ครอบคลุมในการอบรม ได้แก่:

  • ความเสี่ยงและความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่
  • กรอบการบริหารความเสี่ยงขององค์กร (ERM Framework)
  • ปัจจัย ESG ในการกำกับดูแลความเสี่ยง
  • กลยุทธ์การกำกับดูแลความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบการบริหารความเสี่ยง

ด้วยการเข้าร่วมโปรแกรมนี้ คณะกรรมการบริษัท AWC ได้รับความรู้และเครื่องมือที่มีคุณค่าในการเสริมสร้างศักยภาพด้านการกำกับดูแลความเสี่ยง และสนับสนุนความสำเร็จอย่างยั่งยืนขององค์กรในอนาคต

ในส่วนของพนักงานนั้น บริษัทได้ส่งเสริมการสร้างความรู้และความเข้าใจด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างยั่งยืนให้พนักงาน ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การสื่อสารผ่านสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ซึ่งพนักงานสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองผ่านระบบปฏิบัติการ @ core เพื่อให้พนักงานเข้าใจหลักการบริหารความเสี่ยง ตั้งแต่การระบุความเสี่ยง การประเมินความเสี่ยง การกำหนดมาตรการจัดการความเสี่ยง และการติดตามความเสี่ยง หรือการบรรยายและการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ในเรื่องสำคัญเช่น การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management - BCM) เพื่อสร้างความมั่นใจว่าบริษัทมีความพร้อมในการรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การบริหารลูกค้าสัมพันธ์

AWC มีลูกค้าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าจึงเป็นหนึ่งในหัวข้อที่มีสาระสำคัญมากที่สุด เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อมิติทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อความยั่งยืนของบริษัท ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่บริษัทต้องรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และบริการ การบริหารความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่การเติบโตทางธุรกิจของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับบริษัทในการให้บริการลูกค้าที่ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้น AWC จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในทุกหน่วยธุรกิจ โดยการมอบบริการและผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง

AWC ได้ดำเนินโครงการการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้ากับลูกค้าและผู้เช่าในทุกหน่วยธุรกิจ รวมถึงธุรกิจสำนักงาน ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก และธุรกิจโรงแรม ซึ่งกำหนดนโยบาย วัตถุประสงค์ และขั้นตอนสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า นอกจากนี้ AWC ยังได้พัฒนาแผนการตลาดและโปรแกรมต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า โปรแกรมในปี 2567 ได้แก่

  • แอปพลิเคชัน Pikul
  • อาคารอัจฉริยะ
  • ไลฟ์สไตล์ไร้ขีดจำกัดกับ AWC
  • ความเชื่อมั่นที่ได้รับการรับรอง

แอปพลิเคชัน Pikul

AWC เปิดตัวแอปพลิเคชัน Pikul – แพลตฟอร์มที่พัฒนาและออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และเปิดโลกสู่ประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ไทย ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ภายใต้แนวคิด ‘Pikul: A Family in Thailand for All’ พร้อมฟีเจอร์หลัก ดังนี้:

  • ซื้อสินค้าออนไลน์และบริการพิเศษจากโรงแรมในเครือ AWC
  • สิทธิพิเศษจากโรงแรมในเครือ AWC
  • ชำระเงินแบบไร้เงินสดด้วย วอลเล็ตดิจิทัล Pikul
  • บริการของขวัญ
  • กิจกรรมออนไลน์พร้อมรางวัลพิเศษ

อาคารอัจฉริยะ

การนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าและการเข้าถึงลูกค้า ได้แก่

  • สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Stations) ซึ่งติดตั้งในอาคารพาณิชย์โรงแรมและค้าปลีกและค้าส่ง

เทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ (Property Technology)ซึ่งเป็นระบบ "เข้าถึงอัจฉริยะ" (Smart access) ที่อาคาร ’เอ็มไพร์’ โดยใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าเพื่อให้ผู้เช่าและผู้เยี่ยมชมเข้าและออกจากอาคารแบบไร้การสัมผัส

ไลฟ์สไตล์ไร้ขีดจำกัดกับ AWC

AWC ยกระดับไลฟ์สไตล์และการมีส่วนร่วมของลูกค้าผ่านจุดหมายปลายทางที่โดดเด่น ผสานร้านอาหารระดับโลก การค้าปลีก และประสบการณ์ทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น EA Rooftop จุดหมายปลายทางบนดาดฟ้าที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ พร้อมวิวเมือง 360 องศาและร้านอาหารมิชลินสตาร์ หรือ Asiatique The Riverfront ที่ผสานการช้อปปิ้งกับความบันเทิงระดับโลก อาทิ Jurassic World: The Experience

โครงการอื่น ๆ เช่น Phenix, The Pantip @ งามวงศ์วาน และ Teeshot Bar สะท้อนถึงอัตลักษณ์ด้านอาหาร แฟชั่น และความบันเทิงของไทยในฐานะ Soft Power ขณะที่ Okura Cruise และ Hong’s Chinese Restaurant มอบประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่ประณีต จุดหมายปลายทางทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และสร้างความผูกพันที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการยกระดับประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางระดับโลก

ความเชื่อมั่นที่ได้รับการรับรอง

AWC มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ปลอดภัย และได้มาตรฐานในระดับสากล จนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง บริษัทได้รับมอบใบรับรอง Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยมี 2 โรงแรมหลักที่ได้รับการรับรองระดับ 5 ดาว สะท้อนถึงบทบาทของ AWC ในการส่งเสริมประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในระดับโลก

ในปี 2024 AWC ยังได้รับรางวัล Building Safety Awards (BSA) จำนวน 22 รางวัล และรางวัล TFMA Sustainable Management Awards จากสมาคมการจัดการอาคารแห่งประเทศไทย รวม 23 รางวัล ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานอาคาร ทั้งในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การออกแบบที่ปลอดภัย และการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

แบบสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า

เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง จึงมีการปรับปรุงคุณภาพการบริการ และพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาว AWC ทำการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าเป็นประจำทุกปี โดยการสำรวจจะใช้แบบสอบถามที่ประเมินปัญหาสำคัญต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับกลยุทธ์ขององค์กร เช่น การมุ่งเน้นตลาด ผลิตภัณฑ์/บริการที่จัดให้ การบริหารจัดการความรู้ และผลการดำเนินธุรกิจ

ผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า
ปี 2564 2565 2566 2567
ผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจของลูกค้า (%) 74.35 73.35 77.41 77.41
หมายเหตุ : ผลการประเมินข้างต้นเป็นค่าเฉลี่ยของคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าใน 3 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง อาคารสำนักงาน และโรงแรม

การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน

AWC ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ด้วยความต้องการในการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส ยุติธรรม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้นการพัฒนากระบวนการที่มีประสิทธิภาพและความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้การดำเนินงานทางธุรกิจของ AWC ดำเนินไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยง และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของ AWC เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถจัดการกับความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างเหมาะสม AWC จึงได้ประกาศใช้จรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) )กับคู่ค้าของ AWC ทุกราย เพื่อเป็นมาตรฐานและข้อตกลงร่วมกันว่าคู่ค้าทุกรายจะไม่กระทำกิจกรรมใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยในทุกปีคู่ค้าจะต้องลงนามรับทราบจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) และส่งแบบฟอร์มการยอมรับกลับมายัง AWC หากคู่ค้ารายใดที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดพื้นฐานของจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) AWC มีมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการยกเลิกสัญญาคู่ค้า และ/หรือการถอดออกจากฐานคู่ค้าของ AWC ในกรณีที่พบว่าคู่ค้าไม่ปฏิบัติตาม หรือมีข้อติติงเชิงลบโดยไม่มีการดำเนินการแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด

ข้อกำหนดในมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับคู่ค้าของ AWC ครอบคลุมถึงการกำกับดูแลกิจการ จริยธรรมทางธุรกิจ สิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติต่อแรงงาน สุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน และการจัดการสิ่งแวดล้อม

เพื่อให้มั่นใจในการนำจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) และหลักการปฏิบัติ ESG ของคู่ค้าจะถูกใช้ในการบริหารจัดการคู่ค้าอย่างยั่งยืน หัวหน้าคณะสายงานการตลาดเชิงกลยุทธ์และและความยั่งยืน(CST) และหัวหน้าคณะสายงานบริหารกลาง (CCO) ได้รับการแต่งตั้งให้กำหนดนโยบายเชิงกลยุทธ์และดูแลการจัดซื้อ รวมถึง ประสิทธิภาพด้าน ESG ของคู่ค้า ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ความยั่งยืนและเป้าหมายระยะยาวของ AWC นอกเหนือจากการนำ SCoC มาใช้ ซึ่งได้รับการรับรองจากคณะกรรมการบริษัท AWC ยังได้พัฒนานโยบายการคัดเลือกคู่ค้าและนโยบายการจัดจัดจ้างอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ AWC ยังจัดการแบ่งปันความรู้ภายในให้กับทีมจัดซื้อเพื่อให้พวกเขาเข้าใจบทบาทและความรับผิดชอบของตนในการพัฒนาการจัดซื้ออย่างยั่งยืนอีกด้วย

กลยุทธ์ด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานของเรานั้นสนับสนุนกลยุทธ์และทิศทางการเติบโตของบริษัท AWC จึงได้จัดทำกลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานขึ้นมา 5 กลยุทธ์ เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของ AWC และยกระดับมาตรฐานด้านความยั่งยืนของคู่ค้า ดังนี้

01
เสริมสร้างความแข็งแกร่ง
02
ปรับปรุงกระบวนการทำงานของคู่ค้า ทั้งในด้านความปลอดภัย และด้านการป้องกันการทุจริต
03
ร่วมมือเพื่อการเติบโต และสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน
04
บูรณาการประเด็นด้านความเสี่ยง
วัตถุประสงค์การดำเนินงานหลัก รายละเอียด การเชื่อมโยงไปยังกลยุทธ์ฯ
การปรับปรุงมาตรฐานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และความปลอดภัยเป็นหนึ่งในหัวข้อการประเมินผลการดำเนินงานของคู่ค้า ซึ่งคู่ค้าจำเป็นต้องมีการดำเนินงานตามข้อกำหนดของกฎหมายทั้งทางด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม บริษัทให้ความสำคัญกับการตรวจประเมินรับรองมาตรฐานโดยผู้ตรวจประเมินอิสระ คู่ค้ารายใดที่สามารถแสดงผลการตรวจประเมินรับรอง ฯ จะได้รับการพิจารณาคะแนนระดับที่สูงกว่าคู่ค้าที่ไม่มีผลการตรวจประเมินรับรอง ฯ กรณีที่คู่ค้ามีเหตุการณ์หรือ การดำเนินงานที่ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลดภัยก็จะถูกหักคะแนนการประเมินจำนวน 2 คะแนนต่อครั้งที่พบความไม่สอดคล้อง
  1. การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่คู่ค้า
  2. การสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน
  3. การบูรณาการประเด็นด้านความเสี่ยง
การป้องกันการฉ้อโกงอย่างเต็มประสิทธิภาพ การป้องกันการทุจริตเป็นหนึ่งในประเด็นที่ AWC ให้ความสำคัญและเน้นย้ำมาโดยตลอด ซึ่งเป็นข้อกำหนดพื้นฐานในจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท และจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจสำหรับคู่ค้า เพื่อป้องกันการทุจริตตลอดห่วงโซ่อุปทาน AWC ได้ดำเนินการเพิ่มมาตรการและการตรวจสอบรอบด้านในกระบวนการดำเนินงานของบริษัท และการดำเนินธุรกิจงานของคู่ค้า
  1. การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่คู่ค้า
  2. การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน
  3. การร่วมมือเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

เพื่อสร้างความมั่นใจว่ากลยุทธ์ฯ ได้ถูกนำไปปฎิบัติอย่างครบถ้วนและประสบความสำเร็จ AWC จึงได้จัดตั้ง KPI ดังนี้

  • ร้อยละ 100 ของคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 ลงนามรับทราบและนำจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
  • ร้อยละ 100 ของคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 มีแผนบรรเทาและแผนการแก้ไขความเสี่ยงที่พบภายใน 12 เดือน
  • ร้อยละ 100 ของคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 ปฏิบัติตามกฏหมายด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
  • ร้อยละ 100 ของคู่ค้าจากรายชื่อคู่ค้าที่ได้รับการอนุมัติจะได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนผ่านแบบสอบถามแบบตนเอง ซึ่งได้รับการพัฒนาสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น ISO14000, ISO18000, ISO26000 และ มาตรฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

การบริหารจัดการคู่ค้า

AWC มีระบบการบริหารจัดการคู่ค้าที่โปร่งใสและมีจริยธรรม ระบบนี้ใช้สำหรับการคัดเลือกคู่ค้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระยะยาวระหว่างบริษัทและคู่ค้าได้ อีกทั้งยังนำไปสู่การเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ระบบการจัดการครอบคลุม:

กระบวนการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

01
คัดเลือกคู่ค้ารายใหม่ พิจารณาตามเกณฑ์ของบริษัทที่ครอบคลุมด้าน ESG พร้อมทั้งสื่อสารจรรยาบรรณทางธุรกิจสำหรับคู่ค้า
02
การจัดกลุ่มคู่ค้า
03
การประเมินคู่ค้ารวมถึงประเมินความเสี่ยงและความยั่งยืน
04
ตรวจประเมินคู่ค้าด้าน ESG ณ สถานประกอบการ (On-site Audit)
05
การพัฒนาศักยภาพคู่ค้า

จรรยาบรรณธุรกิจของคู่ค้า

AWC ได้พัฒนาจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า หรือ SCoC ซึ่งกำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติขั้นต่ำสำหรับคู่ค้าของเรา ซึ่งครอบคลุมหลักการดังต่อไปนี้:

จรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) จะถูกเผยแพร่ไปยังคู่ค้า พร้อมกับสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง คู่ค้าจะต้องลงนามยอมรับและปฏิบัติตามหลักการที่กำหนดไว้ใน SCoC อย่างเคร่งครัด หากมีการไม่ปฏิบัติตาม การกระทำผิด หรือการละเมิด SCoC คู่ค้า อาจได้รับโทษในระดับที่แตกต่างกัน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการระงับ ยกเลิกสัญญา แก้ไขข้อกำหนดเฉพาะของสัญญา และถอดผู้ขายออกจากรายชื่อคู่ค้าที่ได้รับอนุมัติ

เพื่อสนับสนุนการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ บริษัทจัดให้มีการฝึกอบรมอย่างครอบคลุมสำหรับทีมจัดซื้อและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน และคู่ค้ารายสำคัญทั้งหมด ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการ เน้นความเข้าใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของ AWC และบทบาทสำคัญของพวกเขาในโปรแกรม ESG ของคู่ค้า การฝึกอบรมนี้ช่วยให้พวกเขามีความรู้และเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการประเมิน ตรวจสอบ และบังคับใช้การปฏิบัติตาม SCoC ของคู่ค้า

นอกจากนี้ AWC ยังสนับสนุนให้คู่ค้าพัฒนา SCoC ของตนเองและเผยแพร่ไปยังคู่ค้าหรือผู้รับเหมาของตนเอง นี่คือการสร้างผลกระทบอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน

ในปี 2567 คู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 ทั้งหมด 100% ยอมรับและปฏิบัติตาม SCoC อย่างเคร่งครัด

จรรยาบรรณและแนวปฏิบัติ

คู่ค้าของ AWC

ห่วงโซ่อุปทานของ AWC ประกอบด้วยคู่ค้าทั้งหมดในพื้นที่ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นผู้ผลิต ผู้จัดหาสินค้าและวัสดุ ผู้ให้บริการ และผู้จัดจำหน่าย

การคัดเลือกและประเมินคู่ค้า

AWC ได้จัดตั้งระบบเพื่อคัดกรองคู่ค้ารายใหม่ผ่าน ‘แบบฟอร์มใบสมัครสำหรับคู่ค้ารายใหม่’ และทบทวนคุณสมบัติของคู่ค้าปัจจุบันผ่าน 'แบบฟอร์มประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้า' แบบฟอร์มเหล่านี้ได้รวมเกณฑ์ ESG และการทบทวนเป็นประจำซึ่งสอดคล้องกับจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าของเราจะมีความสามารถเพียงพอในการส่งมอบมูลค่าที่ดีที่สุดให้กับ AWC และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเราตลอดห่วงโซ่คุณค่า

เกณฑ์การคัดกรองผู้ขายรายใหม่ใน ‘แบบฟอร์มใบสมัครสำหรับคู่ค้ารายใหม่’

  • สถานะทางการเงิน
  • การรับประกันและการควบคุมคุณภาพ
  • น่าเชื่อถือ
  • ไม่ถูกแบน
  • ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจของ AWC
  • สอดคล้องกับมาตรฐาน ESG ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ISO 14000, ISO 26000 และ ISO 45000
  • ปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี

คู่ค้าที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกต้องได้คะแนนการประเมิน 80-100% เพื่อผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ซึ่งเกณฑ์ ESG จะมีน้ำหนัก 20% ของคะแนนรวม

นอกจากนี้ AWC ยังดำเนินการประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้าปัจจุบันเมื่อส่งมอบบริการหรือผลิตภัณฑ์แล้วผ่าน 'แบบฟอร์มประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้า' ซึ่งเกณฑ์ ESG จะมีน้ำหนัก 10% ของคะแนนรวม

เกณฑ์การประเมินคู่ค้าปัจจุบันใน ‘แบบฟอร์มประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้า’ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ISO 14001 ISO 45001 ISO 14064-1

  • การส่งมอบผลิตภัณฑ์/บริการที่เสร็จสมบูรณ์ตรงเวลา
  • คุณภาพของผลิตภัณฑ์/บริการและบุคลากร
  • มารยาทในการสื่อสารและความสะดวกในการประสานงาน
  • การปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับด้านอาคาร
  • ความมุ่งมั่นต่อการมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ ความปลอดภัย สังคม ความมั่นคง การกำกับดูแลกิจการที่ดี และความยั่งยืน

การคัดเลือกคู่ค้า

การจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจของบริษัท สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เพื่อส่งมอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับห่วงโซ่คุณค่า โดยคู่ค้ามีบทบาทสำคัญ เนื่องจาก AWC พึ่งพาพันธมิตรทางธุรกิจเหล่านี้ในการดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่น

เพื่อจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากคู่ค้าและจำแนกคู่ค้ารายสำคัญ บริษัทมีเกณฑ์ในการคัดเลือกคู่ค้า ดังนี้:

  • ผลการประเมินคู่ค้าปัจจุบัน
  • ความเสี่ยงในระดับประเทศ: คู่ค้าของ AWC 100% ตั้งอยู่ในประเทศไทย
  • ความเสี่ยงในภาคอุตสาหกรรม: แบ่งออกเป็น 8 อุตสาหกรรม:
    • อาหารและอุตสาหกรรมเกษตร
    • สินค้าอุปโภคบริโภค
    • ประกันภัยและการเงิน
    • อุตสาหกรรม
    • อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง
    • ทรัพยากร
    • บริการ
    • เทคโนโลยี
  • สินค้าโภคภัณฑ์: แบ่งออกเป็นประเภทของผลิตภัณฑ์และบริการ
    • ธุรกิจเกษตร
    • อาหารและเครื่องดื่ม
    • แฟชั่น
    • สินค้าบ้านและสำนักงาน
    • ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลและยา
    • ธนาคาร
    • การเงินและหลักทรัพย์
    • ประกันภัย
    • ยานยนต์
    • วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร
    • บรรจุภัณฑ์
    • กระดาษและวัสดุการพิมพ์
    • ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
    • เหล็ก
    • วัสดุก่อสร้าง
    • บริการก่อสร้าง
    • การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
    • กองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
    • พลังงานและสาธารณูปโภค
    • เหมืองแร่
    • การค้า
    • บริการดูแลสุขภาพ
    • สื่อและสิ่งพิมพ์
    • บริการมืออาชีพ
    • การท่องเที่ยวและสันทนาการ
    • การขนส่งและโลจิสติกส์
    • ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์
    • เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

AWC มีแนวทางการจัดการที่แตกต่างกันสำหรับคู่ค้าแต่ละประเภท นอกเหนือจากแนวปฏิบัติทั่วไป โดยบริษัทได้สื่อสารถึงความคาดหวังในเรื่องความโปร่งใส และการดำเนินธุรกิจที่สุจริตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อส่งมอบมาตรฐานที่สูงขึ้นในห่วงโซ่คุณค่าของเรา AWC มีเป้าหมายในการปรับปรุงการจัดการห่วงโซ่อุปทานและทำให้คู่ค้ามีพัฒนาอย่างยั่งยืนและเติบโตไปพร้อมกับบริษัท

ในกระบวนการจัดซื้อ AWC ยึดมั่นในหลักการความโปร่งใสและความรับผิดชอบ นอกจากนี้ เรายังได้รวมข้อกำหนดด้านความยั่งยืนไว้ในขั้นตอนก่อนการประมูล เช่น ข้อกำหนดด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน (OHS) การส่งเสริมการใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุรีไซเคิล ในขณะที่ยึดมั่นการออกแบบที่ได้ตามมาตรฐานสากล

AWC จำแนกประเภทคู่ค้าเราออกเป็น 3 ประเภท เพื่อทำความเข้าใจคู่ค้าที่มีผลกระทบสำคัญต่อความได้เปรียบในการแข่งขัน ความสำเร็จในตลาด และการดำเนินธุรกิจของ AWC

3 ประเภทของคู่ค้า ได้แก่:

1. คู่ค้าลำดับที่ 1 (Tier-1 supplier)

  • ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง

2. คู่ค้าที่สำคัญ/สำคัญลำดับ 1 (Significant/critical tier-1 suppliers) คือ คู่ค้าโดยตรงที่มีค่าใช้จ่ายรวม 80% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในกลุ่มคู่ค้าลำดับที่ 1 (Tier-1 supplier)

  • คู่ค้าที่ไม่สามารถทดแทนได้ เช่น คู่ค้าด้านการก่อสร้างและวิศวกรรมขั้นสูง และคู่ค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่หาแหล่งอื่นมาแทนได้ยาก ถือเป็นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ที่สำคัญในการผลิต
  • คู่ค้าที่มีระดับความเสี่ยงสูง รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ตัวอย่างเช่น คู่ค้าที่มีสัญญาระยะยาว ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ไม่สามารถทดแทนได้ และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมขั้นสูง และการใช้จ่ายสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและบริการของ AWC
  • คู่ค้าที่จำหน่ายอุปกรณ์หรือบริการที่สำคัญต่อการผลิตที่มีปริมาณการซื้อจำนวนมาก
  • คู่ค้าที่จำหน่ายอุปกรณ์หรือบริการที่มีมูลค่าสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิต

3. คู่ค้าทางอ้อมที่สำคัญ/สำคัญ (Significant/Critical non-Tier 1 Suppliers)

  • คู่ค้าที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรงกับ AWC แต่เกี่ยวข้องกับการค้ากับคู่ค้าของ AWC คู่ค้าเหล่านี้ถูกเลือกจากรายชื่อคู่ค้าของคู่ค้าระดับ 1 ที่สำคัญของ AWC

สัดส่วนจำนวนคู่ค้าของบริษัท

ประเภทคู่ค้า ราย
คู่ค้าลำดับที่ 1 (Tier-1 suppliers) 2,952
คู่ค้าสำคัญลำดับที่ 1 (Significant tier-1 supplier) 62
คู่ค้าทางอ้อมที่สำคัญ (Significant non-tier supplier)1 0

หมายเหตุ: 1 คู่ค้าทางอ้อมที่สำคัญ (Significant Non-Tier 1 Supplier) เป็น 0 เนื่องจากในปี 2567 คู่ค้าสำคัญลำดับที่ 1 ทั้งหมดเป็นคู่ค้าจำพวกผู้รับเหมาก่อสร้างในโครงการที่กำลังพัฒนาและงานบริการ ซึ่งทุกรายจะใช้แรงงานภายในของแต่ละบริษัท และวัสดุหรือวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติทั่วไปสามารถใช้ทดแทนกันได้

การประเมินและประเมินคู่ค้า

เพื่อควบคุมความเสี่ยงด้าน ESG บริษัทดำเนินการตรวจสอบคู่ค้าประจำปี โดยพิจารณาจากประเภท การใช้จ่าย และระดับความเสี่ยงของผลการประเมินความเสี่ยแบบ ESG คู่ค้าทั้งหมดจากรายชื่อผู้คู่ค้าที่ได้รับการอนุมัติจะทำแบบสอบถามการประเมินตนเองและการประเมินแบบวิเคราะห์เอกสาร (Desk assessment) ครอบคลุมเกณฑ์ทั้งหมดที่ระบุไว้ในแบบฟอร์มการประเมินคู่ค้าและเทียบกับ SCoC เกณฑ์การประเมินได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมินการจัดการ ESG โดยรวมและประสิทธิภาพทางธุรกิจของคู่ค้าโดยรวมถึงหลักการที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับ เช่น ISO 14001, ISO 26000 และ ISO 45001 หลังจากการประเมินตนเอง ทีมจัดซื้อของ AWC ดำเนินการตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด โดยอ้างอิง0kdข้อมูลที่รายงานด้วยตนเองกับเอกสารประกอบเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบ รวมทั้งประเมินความเสี่ยงด้านการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ ESG ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและชื่อเสียงของ AWC

การประเมินยังมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุพื้นที่สำหรับการปรับปรุง เพื่อให้แน่ใจว่าแนวปฏิบัติของคู่ค้ายังคงสอดคล้องกับวัตถุประถม์ด้านความยั่งยืนของ AWC นอกจากนี้ AWC ยังดำเนินการตรวจสอบ ESG ณ พื้นที่ปฏิบัติงาน (On-site audit) เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านความของคู่ค้าที่สำคัญ ซึ่งมีเกณฑ์ใรการประเมินสอดคล้องกับสุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงาน เช่น การระบุอันตรายและการประเมินความเสี่ยง (HIRA) โดยมุ่งเน้นที่ประเด็น เช่น การบาดเจ็บของพนักงานจากสารเคมี สภาพแวดล้อมในการทำงาน การใช้เครื่องจักร และการปฏิบัติตามมาตรฐาน ESG ในขั้นต้น บริษัทเลือกคู่ค้าสำหรับการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืน ณ พื้นที่ปฏิบัติงาน โดยพิจารณาจากเกณฑ์ เช่น มีปริมาณการซื้อมากกว่า 80% กับบริษัท และการดำเนินงานมีแนวโน้มที่จะมีหรือก่อให้เกิดผลกระทบด้าน ESG เชิงลบ (คู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงด้าน ESG) ซึ่งนำผลลัพธ์จากการตรวจประเมินแบบวิเคราะห์เอกสารและ 'แบบฟอร์มการประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้า' และ 'การประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ของคู่ค้า มาตัดสินใจ

โดยในปี 2025 ไม่พบความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่มีนัยสำคัญที่อาจเกิดขึ้นจากคู่ค้ารายสำคัญ รวมถึงด้านสังคม และสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การประเมินและแนวทางบริหารจัดการของบริษัท

นอกจากนี้ ในกรณีที่พบว่าคู่ค้ามีผลการประเมินเชิงลบ บริษัทจะสรุปผลการตรวจสอบและจัดทำแผนการแก้ไขปัญหา โดยระบุขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาที่ระบุไว้ บริษัทจะให้การสนับสนุนที่จำเป็นแก่คู่ค้า รวมถึงการแบ่งปันความรู้และคำแนะนำในการดำเนินการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาและป้องกันการเกิดซ้ำ

การบริหารความสัมพันธ์และการพัฒนาศักยภาพคู่ค้า

AWC ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับคู่ค้า บริษัทสนับสนุนการเติบโตและความสามารถของคู่ค้าอย่างจริงจัง วิธีการนี้เป็นการพัฒนาและร่วมเติมโตไปพร้อมกันโดย AWC ส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท ในขณะที่คู่ค้าได้รับทักษะและความรู้ในการปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายและประสบความสำเร็จในตลาด ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน

AWC ได้จัดฝึกอบรมเฉพาะบุคคลและโครงการพัฒนาศักยภาพระยะยาวสำหรับคู่ค้าที่สำคัญทั้งหมด โดยการฝึกอบรมแต่ละครั้งได้รับการออกแบบตามผลการประเมินคู่ค้า ความสนใจของคู่ค้า เทรนด์ความยั่งยืนปัจจุบัน และกลยุทธ์ความยั่งยืนของบริษัท โครงการนี้มุ่งเน้นให้คู่ค้ามีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการผนวกแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงานของตน สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน

โครงการพัฒนาศักยภาพคู่ค้า ปี 2567

Supplier’s Day

ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 AWC ได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพคู่ค้า “Supplier’s Day 2024” โดยมุ่งเน้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) และแนวปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน บริษัทมีเป้าหมายที่จะปลูกฝังวัฒนธรรมความยั่งยืนตลอดทั้งเครือข่าย โดยวิธีการร่วมมือกันนี้จะช่วยให้ทั้ง AWC และ คู่ค้าดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ

AWC มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล โดยปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ กฎระเบียบ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด บริษัทได้ประยุกต์ใช้และยึดถือแนวปฏิบัติและมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างโปร่งใส นอกจากนี้ AWC ยังให้ความสำคัญกับการสร้างระบบที่แข็งแกร่งและมาตรการในการปกป้องข้อมูล พร้อมทั้งปรับตัวให้ทันกับภัยคุกคามใหม่ ๆ เพื่อรักษาความไว้วางใจของลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

AWC ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Sub-Committee) ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารองค์กร (Chief Corporate Officer: CCO) เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ และมีหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (Chief Financial Officer: CFO), หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจดิจิทัล (Chief Digital Business Officer: CDBO), และหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมเป็นคณะกรรมการฯ โดยมีเลขานุการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศทำหน้าที่เป็นเลขานุการ

โครงสร้างนี้ทำให้มั่นใจว่าการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการลงทุนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และระเบียบที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริษัท และมติของผู้ถือหุ้น คณะอนุกรรมการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศต้องจัดการประชุมในสัปดาห์ที่สามของทุกเดือน และแจ้งคณะกรรมการบริษัทล่วงหน้าอย่างน้อยเจ็ดวัน โดยมีหน้าที่หลักในการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลภายในบริษัท ดังนี้:

  1. ประเมินและทบทวนกลยุทธ์ โครงสร้าง นโยบายด้านความปลอดภัย กระบวนการ และขั้นตอนการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
  2. ให้ความสำคัญกับโครงการปัจจุบันและโครงการใหม่ รวมถึงกำจัดการซ้ำซ้อน
  3. ติดตาม ทบทวน และประเมินโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณและผลประโยชน์ที่ได้รับ
  4. รายงานความคืบหน้าของกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ โครงการ นโยบายที่ดำเนินการ และการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหลักด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับคณะกรรมการบริหาร (MACO)

คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศ

การตระหนักถึงความมั่นคงปลอดภัย

AWC ส่งเสริมการตระหนักรู้เกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านการสื่อสารภายในและการฝึกอบรม

รวมถึงการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดภายในอย่างสม่ำเสมอ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศได้ติดตั้งระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้านข้อมูลและความปลอดภัย เพื่อจัดการกับปัญหาด้านข้อมูลและความปลอดภัยอย่างเป็นระบบ แผนนี้จะช่วยให้พนักงานและบุคคลภายนอก (ผู้รับเหมา) ที่รับผิดชอบในการจัดเก็บข้อมูลและข้อมูลสารสนเทศของ AWC สามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ AWC ยังได้พัฒนาระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงในการถูกละเมิดข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบนี้รวมถึงการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล การป้องกันจุดเชื่อมต่อ การจำแนกข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูล และความปลอดภัยของอีเมล นอกจากนี้ บริษัทยังส่งเสริมวัฒนธรรมการใช้งานข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที AWC ได้ส่งเสริมความตระหนักรู้ด้านการปกป้องข้อมูล ผ่านการสื่อสารข่าวสารด้านไอทีใหม่ ๆ ผ่านจดหมายข่าว และการตรวจสอบภายใน

แผนรับมืออุบัติการณ์ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ

AWC ได้พัฒนาแผนรับมืออุบัติการณ์ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศเพื่อบริหารจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศอย่างเป็นระบบ แผนรับมืออุบัติการณ์นี้ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้ได้กับ AWC และบุคคลภายนอก (ผู้รับจ้าง) ที่รับผิดชอบการจัดเก็บข้อมูลและสารสนเทศของ AWC

AWC พัฒนาระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลของบริษัทให้ลดความเสี่ยงจากการละเมิดข้อมูลในขณะที่ปรับปรุงประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ทั้งนี้ ด้วยแนวทางปฏิบัติในการใช้ข้อมูลอย่างมีจริยธรรมเคร่งครัด AWC สร้างวัฒนธรรมการใช้ข้อมูลอย่างรับผิดชอบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้โครงสร้างพื้นฐานด้าน IT บริษัทสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูล สื่อสารข่าว IT ที่เกิดขึ้นใหม่ผ่านจดหมายข่าว และดำเนินการตรวจสอบภายใน

AWC ให้การรับรองแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราว่าเราพร้อมรับมือวิกฤตที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่อาจเกิดขึ้น

สมรรถนะของ IT และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

2564 2565 2566 2567
การละเมิดการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลหรืออุบัติการณ์ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อื่น ๆ 0 0 0 0
ลูกค้าและพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดข้อมูลของบริษัท 0 0 0 0

แนวทางปฏิบัติด้านภาษีอากรของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)

AWC มุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย และเป็นพลเมืององค์กรที่ดี มีความรับผิดชอบ การปฏิบัติทางภาษีของเราสอดคล้องกับค่านิยมของบริษัท และปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับด้านภาษีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในเขตอำนาจศาลที่เราดำเนินงาน เราตีความกฎหมายภาษีตามเจตนารมณ์ที่แท้จริง และหลีกเลี่ยงโอกาสในการเอารัดเอาเปรียบใดๆ บริษัทได้ประกาศใช่นโยบายภาษีนี้โดยได้รับการรับรองจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ในฐานะสมาชิกคณะกรรมการบริษัท

การปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอากรอย่างมีความรับผิดชอบ

AWC มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอากรและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทุกประเภทอย่างถูกต้องในทุกประเทศและ/หรืออาณาเขตที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทจะดำเนินธุรกิจและบริหารจัดการโครงสร้างภาษีให้สอดคล้องกับทั้งเจตนารมณ์และตัวบทของกฎหมายนั้น รวมถึงจะไม่แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ จากช่องว่างของกฎหมายภาษีอากร

การวางแผนโครงสร้างทางภาษีอย่างเหมาะสม

AWC มุ่งมั่นในการสร้างความมั่นใจเรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างภาษีต่อผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจรวมถึงพนักงาน โดยจะบริหารงานด้านภาษีด้วยความโปร่งใสและจะไม่สร้างภาระภาษีโดยไม่จำเป็นซึ่งจะส่งผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งหมายความว่าเราจะมีส่วนร่วมในการวางแผนภาษีอากรอย่างเหมาะสมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทจะไม่มีภาระภาษีซ้ำซ้อนอันเกิดขึ้นจากเงินได้หรือธุรกรรมเดียวกัน และเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีภาระภาษีมากกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยไม่จำเป็น

บริษัทอาจใช้ประโยชน์จากมาตรการทางภาษีหรือการยกเว้นภาษีตามที่กฎหมายให้การสนับสนุนหรืออนุญาตให้กระทำได้เมื่อมีความเหมาะสม

บริษัทจะไม่ทำธุรกรรมอันอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจซึ่งหมายรวมถึงการหนีภาษีอากรหรือการสนับสนุนการหนีภาษีอากร นอกจากนี้บริษัทจะไม่กระทำการถ่ายโอนรายได้หรือกำไรไปยังประเทศและ/หรืออาณาเขตที่มีอัตราภาษีต่ำ สร้างธุรกรรมหรือธุรกิจเพื่อลดภาษีโดยไม่มีเหตุผลการทางการค้า และไม่ดำเนินธุรกิจในประเทศหรืออาณาเขตที่เป็นเขตปลอดภาษีหรือปกปิดข้อมูล (Tax haven) เพื่อการหลีกเลี่ยงภาษี

การกำหนดราคาโอนอย่างเหมาะสม

บริษัทมุ่งหมายที่จะจ่ายภาษีในจำนวนที่เหมาะสมตามมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นภายใต้การดำเนินการทางการค้าที่เป็นปกติ บริษัทจะคำนวณราคาโอนที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทในเครือให้เป็นไปตามราคาตลาด

เรามุ่งมั่นที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่ดีในการสร้างเสริมห่วงโซ่คุณค่าที่แข็งแกร่งสู่ความยั่งยืน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน

การสนับสนุนต่อภาคส่วนต่างๆ

รายชื่ององค์กร รูปแบบองค์กร จำนวนเงินที่สนับสนุน (บาท)
2563 2564 2565 2566
1. หอการค้าออสเตรเลีย-ไทย สมาคมการค้า 19,260 19,371 259,751 49,260
2. สมาคมโรงแรมไทย สมาคมการค้า 0 30,500 145,905 203,670
3. สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติไทย สมาคมการค้า 0 0 129,553 179,357
4. หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย สมาคมการค้า 34,240 34,240 74,241 34,240
5. สมาคมโรงแรมภูเก็ต สมาคมการค้า 0 0 55,636 32,708
6. หอการค้าอังกฤษ สมาคมการค้า 22,470 22,470 22,470 26,750
7. หอการค้าไทย สมาคมการค้า 0 9,630 0 9,630
8. มูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย สมาคมการค้า 14,980 0 0 43,960
9. อื่น ๆ (เช่น การใช้สนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับการลงคะแนนเสียงหรือประชามติ) - 0 0 0 0
รวมทั้งสิ้น 90,950 116,211 687,556 579,575

ทั้งนี้ AWC มิได้ให้การสนับสนุนการรณรงค์ที่เกี่ยวข้องกับการ องค์กรทางการเมือง บุคคลหรือองค์กรที่ทำการชี้นำ และกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นภาษีอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (Anti-Corruption Policy)

ประเด็นสำคัญของบริษัทในการสนับสนุนภาคส่วนต่างๆ

ในปี 2563 AWC สนับสนุนองค์กรต่าง ๆ แบ่งเป็นประเด็นหลัก ดังนี้

ประเด็นสำคัญ จุดยืนขององค์กร รายละเอียดของจุดยืนและการมีส่วนร่วม ยอดสนับสนุนรวมของแต่ละประเด็นสำคัญในปี 2566 (บาท)
สนับสนุนธุรกิจและการค้าเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศไทย สนับสนุน AWC เป็นสมาชิกที่มีบทบาทในหอการค้าต่าง ๆ เช่น หอการค้าออสเตรเลีย-ไทย, หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย, หอการค้าอังกฤษ, และหอการค้าไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนนโยบายส่งเสริมธุรกิจและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลในการส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทย 119,880
ส่งเสริมมาตรฐานที่พักสำหรับการท่องเที่ยว โรงแรม และรีสอร์ทในประเทศไทย สนับสนุน AWC เข้าร่วมและให้การสนับสนุนมูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทยซึ่งมีบทบาทพิเศษในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ โดยสมาคมมีจุดมุ่งหมายในการยกระดับมาตรฐานของธุรกิจโรงแรมโดยรวม ด้วยระบบการจัดระดับดาวที่มีมาตรฐานและเป็นที่น่าเชื่อถือ โดยจัดระดับดาวตั้งแต่หนึ่งดาวถึงห้าดาว ให้กับโรงแรมทั่วประเทศ โดยโรงแรมในเครือ AWC มีเป้าหมายที่จะบรรลุระดับห้าดาว จากการเป็นโรงแรมที่มอบบริการที่ดีที่สุดกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากนี้ ยังมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ตลอดจนส่งเสริมการตลาด/การขายของโรงแรมให้สามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรมและสอดคล้องกับสภาวะตลาด ตลอดจนตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า 459,695

AWC มุ่งมั่นในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามข้อตกลงปารีส โดยมีเป้าหมายในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม นอกจากนี้ AWC ยังมุ่งมั่นร่วมมือกับพาร์ทเนอร์แบรนด์โรงแรมระดับโลก เช่น Marriott International, Hilton Worldwide, IHG Hotels & Resorts, Banyan Tree, และ Melia Hotels International รวมถึงสมาคมและพันธมิตรที่บริษัทได้สนับสนุน มีความสอดคล้องในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยเป้าหมายเดียวกัน

ภาคส่วนที่ได้รับการสนับสนุนสูงสุด

องค์กรที่ AWC ให้การสนับสนุนสูงสุด 3 อันดับแรกในปี 2566

ชื่อองค์กร ประเภทองค์กร บทบาทและกิจกรรมของสมาคมการค้า ยอดการสนับสนุนรวม ในปี 2566 (บาท)
หอการค้าออสเตรเลีย-ไทย สมาคมการค้า หอการค้าออสเตรเลีย-ไทยเป็นเวทีในการส่งเสริมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างออสเตรเลียและประเทศไทย มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการค้าทวิภาคี การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ AWC ได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น งานพบปะเครือข่าย, บริการธุรกิจ, การสนับสนุนด้านการค้าและการลงทุน รวมถึงโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม 49,260
สมาคมโรงแรมไทย สมาคมการค้า สมาคมโรงแรมไทยก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมความสามัคคีและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโรงแรมและสมาชิกของสมาคม ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาลและองค์กรการท่องเที่ยวในประเทศอื่น ๆ และส่งเสริมความรู้และการประสานงานระหว่างสมาชิก โดยไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือฝ่ายการเมือง 203,670
สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติไทย สมาคมการค้า สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติไทย (TICA) มุ่งเน้นการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดการประชุม สิ่งจูงใจ การประชุม และนิทรรศการ (MICE) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อดึงดูดและสนับสนุนการจัดงานและการประชุมระดับนานาชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยผ่านอุตสาหกรรม MICE สมาคมทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย เช่น หน่วยงานรัฐบาล บริษัทเอกชน ผู้จัดงาน และผู้ให้บริการ เพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม นิทรรศการ งานแสดงสินค้า และการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในระดับนานาชาติ 179,357