ข่าวสารและกิจกรรม
AWC รวมพลังพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เปิดประสบการณ์การเรียนรู้ด้านความยั่งยืนที่ Hatch Dome นำเสนอ “Better World Better Future” ผ่านอิมเมอร์ซีฟ Liminal Space 4D ใหญ่ที่สุดในเอเชีย พร้อมชมรอบ Sneak Peek ฟรี 8 สิงหาคมนี้ ณ โครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น

- AWC ร่วมกับภาครัฐและเอกชน ด้วยความมุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน เปิดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ Hatch Dome นำเสนอหลากหลายประสบการณ์ด้านความยั่งยืนรูปแบบใหม่ที่สนุกและเข้าใจง่าย ทั้ง “Better World Better Future”, “Fossil Park”, “Snake Garden” พร้อมสนุกชอปไปกับ Jurassic World: The Experience Retail Store และ The Gallery Art of Giving, Giving Art Community Project Hatch Dome
- ตื่นตาตื่นใจไปกับ “Better World Better Future” ประสบการณ์ Liminal Space 4D ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ถ่ายทอดเรื่องราวความยั่งยืนเสมือนจริงผ่าน 8 โซนไฮไลท์ เรียนรู้เรื่องราวของการสูญพันธุ์ทั้งห้ายุค รวมไปถึงการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เมื่อ 66 ล้านปีก่อน ผ่านประสบการณ์การเล่าเรื่องแบบอิมเมอร์ซีฟล้ำสมัย และการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟ เชิญชวนเยาวชน ครอบครัว และนักท่องเที่ยวทุกวัย เปิดประสบการณ์พิเศษในช่วง Sneak Peek ได้ฟรี ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในลำดับถัดไป
- ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืนเชื่อมสายน้ำแห่งเสน่ห์ของกรุงเทพที่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ในฐานะรีเทล-เทนเม้นท์ ริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของไทย รวมที่สุดของทุกกิจกรรมการท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ การเรียนรู้ และประสบการณ์ด้านความยั่งยืน เพื่อร่วมสนับสนุนกรุงเทพมหานครสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
กรุงเทพฯ 5 สิงหาคม 2568 – แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร รวมพลังพันธมิตรภาครัฐอย่าง กรุงเทพมหานคร (กทม.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมทรัพยากรธรณี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และภาคเอกชนไทยอย่าง ThaiBev, Frasers Property, BJC, Marriott, อาคเนย์ประกันชีวิต, UOB, SCB, AIS, Janita, Siam Multi Cons, Future Visual System, Thai Obayashi, และ Schindler ส่งมอบประสบการณ์การเรียนรู้ด้านความยั่งยืนรูปแบบใหม่ครั้งสำคัญของเอเชีย ด้วยการเปิดตัว Hatch Dome (แฮ็ธช์โดม) ณ โครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น อาคารจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟรูปทรงโดมอันเป็นเอกลักษณ์แห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นำเสนอหลากหลายประสบการณ์การเรียนรู้ในแบบ Edutainment ผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างสร้างสรรค์และเข้าใจง่าย พร้อมด้วยไฮไลท์กับ “Better World Better Future” ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ รวมประสบการณ์ 4D แบบอิมเมอร์ซีฟเสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยจาก Liminal Space ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยผสานการแสดงภาพแบบ LED เข้ากับการออกแบบเนื้อหาภายในพื้นที่อย่างมีมิติ (Spatial Content Design) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สมจริง ตระการตา โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยและการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชมทุกช่วงวัย รวมถึงประสบการณ์พิเศษอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมเปิด 8 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป เสริมบทบาทของ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ในฐานะรีเทล-เทนเม้นท์ (Retail-Tainment) ริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ พร้อมสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนและการเรียนรู้ระดับโลก
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “AWC ตั้งใจสร้างสรรค์ประสบการณ์การเรียนรู้ด้านความยั่งยืนในรูปแบบใหม่ ด้วยความเชื่อมั่นในพลังของพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะร่วมสร้างคุณค่าระยะยาวที่ยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ผ่าน Hatch Dome ที่นำเสนอหลากหลายประสบการณ์การเรียนรู้ด้านความยั่งยืน รวมถึง ‘Better World Better Future’ ประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟ Liminal Space 4D ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย สะท้อนความมุ่งมั่นของ AWC และพันธมิตรในการสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ด้านความยั่งยืนที่สนุกสนานสำหรับเยาวชนและครอบครัว เพื่อมอบแรงบันดาลใจในการร่วมกันสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นถัดไป สอดคล้องกับพันธกิจของ AWC ในการ ‘Building Better Future For All’ และร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการเรียนรู้และการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก”

“Better World Better Future” ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวด้านความยั่งยืนผ่านประสบการณ์อิมเมอร์ซีฟที่สมจริง ครบทั้งมิติ อารมณ์ ความคิด และจินตนาการ โดยผู้เข้าชมจะได้เรียนรู้เรื่องราวด้านความยั่งยืนผ่านประสบการณ์อิมเมอร์ซีฟทั้ง 8 โซน ประกอบไปด้วย
- Better World Better Future (โลกยั่งยืน) โถงต้อนรับที่พาผู้ชมเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการในอนาคต เพื่อเตรียมพร้อมออกเดินทางสู่ประสบการณ์การเรียนรู้ด้านความยั่งยืนครั้งใหม่
- Last Human Hope (ความหวังสุดท้าย) นำเสนอผ่านจอขนาดใหญ่สี่ด้าน ถ่ายทอดสถานการณ์จำลองภัยพิบัติและความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นทั่วโลก สร้างความตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นบนโลก ที่ซึ่งมนุษยชาติไม่อาจดำรงอยู่ได้อีกต่อไป
- Impact Horizon’s Journey (เดินทางตามขอบฟ้า) จำลองการเดินทางผ่านยานอวกาศเพื่อย้อนเวลากลับไปยังช่วงการสูญพันธุ์ทั้ง 5 ยุคในประวัติศาสตร์ รวมถึงยุคไดโนเสาร์เมื่อ 66 ล้านปีก่อน เพื่อค้นหาช่วงเวลาที่มนุษยชาติยังสามารถย้อนกลับไปสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้
- Make Our Choice (เส้นทางที่แตกต่าง) เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เลือกเส้นทางของตนเอง โดยเปรียบเทียบระหว่างการเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน กับการเดินตามเส้นทางเดิมที่นำไปสู่ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม
- No Change (ไร้การเปลี่ยนแปลง) สถานการณ์จำลองที่สะท้อนผลลัพธ์ของการไม่ลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลง ผ่านประสบการณ์อิมเมอร์ซีฟเสมือนจริงของเหตุการณ์ภัยพิบัติและหายนะ
- Our Future (อนาคตของเรา) โซนอินเทอร์แอคทีฟที่นำเสนอความรู้สู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ไปจนถึงการส่งเสริมแนวคิดเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ 3BETTERs ของ AWC
- Trees of Lives (ชีวิตแห่งความหวัง) พื้นที่แห่งความหวังที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชม ได้ร่วมแสดงเจตจำนงการมีส่วนร่วมในการรักษาโลก ผ่านพันธสัญญาเพื่อร่วมกันดูแลโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น เพื่ออนาคตของคนรุ่นถัดไป
- Rebirth (ตื่นรู้) เดินทางสู่สถานีสุดท้าย ที่ผู้ชมจะได้กลับมาซึมซับเสียงและความงดงามแห่งธรรมชาติอีกครั้ง เพื่อสะท้อนความคิด การตระหนักรู้ และปลุกจิตสำนึกในการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง สู่การสร้างสรรค์โลกที่ดียิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ภายใน Hatch Dome อาคารจัดแสดงรูปทรงโดมอันเป็นเอกลักษณ์แห่งใหม่ในโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ซึ่งเป็นรีเทล-เทนเม้นท์ ริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ได้รวบรวมประสบการณ์ด้านการเรียนรู้และความบันเทิงเกี่ยวกับความยั่งยืนไว้ในที่เดียวในรูปแบบ Edutainment เพื่อจุดประกายความคิดด้านการอนุรักษ์ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ร่วมขับเคลื่อนโลกไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ประกอบด้วยโซนจัดแสดงหลัก 5 โซน
“Better World Better Future” เป็นพื้นที่เรียนรู้ด้านความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยี Liminal Space 4D ล้ำสมัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ผ่านจอแสดงผล LED อิมเมอร์ซีฟบนพื้นที่รวมกว่า 160 ตารางเมตร เพื่อมอบประสบการณ์ที่สนุกและมีสาระสำหรับผู้เข้าชมทุกวัย บอกเล่าเรื่องราวแบบอินเทอร์แอคทีฟของการสูญพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และการอนุรักษ์ เสริมด้วย “Fossil Park” โซนจัดแสดงซากดึกดำบรรพ์ที่เปิดให้เข้าชมฟรี จัดทำขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของไทย โดยภายในพื้นที่ประกอบด้วยซากไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ของจริงที่พบในประเทศไทย แบบจำลองขนาดเท่าของจริง และกิจกรรมเวิร์กช็อปขุดฟอสซิล (สามารถเข้าร่วมได้โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ แบบจำลอง “ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน” ขนาด 15 เมตร และ “การูแดปเทอรัส บุฟโตติ” เทอโรซอร์ชนิดแรกของไทย พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ไปยังแหล่งขุดพบฟอสซิลสำคัญของประเทศ
ไฮไลท์อื่นๆ ประกอบด้วย “Snake Garden” จัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสัตว์เลื้อยคลานตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์จนถึงปัจจุบัน “Jurassic World: The Experience Retail Store” ร้านจำหน่ายของที่ระลึกอย่างเป็นทางการ และ “The Gallery Art of Giving, Giving Art Community Project Hatch Dome” ร้านค้าวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จำหน่ายสินค้าชุมชนเกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่ผลิตจากวัสดุจากผ้าพื้นเมือง เพื่อนำรายได้กลับคืนสู่ชุมชนโดยรอบเครือข่ายพิพิธภัณฑ์สิรินธรจากแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ในประเทศไทย
ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมประสบการณ์ “Better World Better Future” ในช่วง Sneak Peek ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่ Hatch Dome ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2568 ณ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น และจะเปิดให้เยี่ยมชมเต็มรูปแบบเร็วๆ นี้