AWC โชว์กำไร 1,969 ล้านบาท ไตรมาส 1/2568 พุ่งก้าวกระโดดต่อเนื่อง เติบโต 23% สะท้อนศักยภาพผลตอบแทนสูงด้วยเงินปันผลเติบโตถึง 50% พร้อมเพิ่ม 3 โครงการใหม่เสริมพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพ

09 May 2025
  • ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 เติบโตแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 6,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 (YoY) กำไรจากการดำเนินงาน 3,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 (YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 (YoY) พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นจากผลการดำเนินงานปี 2567 ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 อัตรา 0.075 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากปีก่อนหน้า ตามแผนการเติบโตต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์การเร่งผลักดันศักยภาพของทรัพย์สินเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและยั่งยืน
  • พอร์ตโฟลิโอโตก้าวกระโดด 2 เท่าจากปี 2562 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวม (Gross Asset Value) สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 ที่ 209,374 ล้านบาท เพิ่ม 3 โครงการเข้าพอร์ตคือ โรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย และการลงทุนในโครงการเวิ้งนครเกษม เยาวราช และโครงการเลอ คองคอร์ด รัชดาฯ เพื่อพัฒนาเป็น Jubilee Prestige Tower ที่มีทั้งสำนักงานและโรงแรม เจดับบลิว แมริออท แบงก์ค็อก รัชดาภิเษก นับเป็นไตรมาสที่สร้างการเติบโตก้าวกระโดดด้วยจำนวนห้องกว่า 641 ห้อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 สร้างกระแสเงินสดทันทีเสริมผลประกอบการ
  • กลุ่มโรงแรมดึงจุดแข็งเสริมพลังพันธมิตรทั่วโลก พานักท่องเที่ยวคุณภาพด้วยรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) เติบโตโดดเด่นต่อเนื่องที่ 6,663 บาทต่อคืน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 (YoY) พร้อมอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นสร้างนิวไฮต่อเนื่อง
  • เตรียมสร้างความสุขต่อเนื่องกับการเปิดโครงการใหม่รับกลุ่มครอบครัวที่โรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา และตามด้วยความตื่นเต้นกับ Jurassic World: The Experience ครั้งแรกของโลกที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ซึ่งจะสร้างคุณค่าระยะยาวให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

กรุงเทพฯ 9 พฤษภาคม 2568 – นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องด้วยรายได้รวม 6,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 (YoY) โดยมีกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 3,417 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 15.3 (YoY) และมีอัตราผลตอบแทน EBITDA ต่อทรัพย์สินถาวร (EBITDA Yield) อยู่ที่ร้อยละ 10.0 เติบโตร้อยละ 13.6 (YoY) พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการอันแข็งแกร่งของปี 2567 ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ด้วยอัตรา 0.075 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากปีก่อนหน้า สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้น จากความสำเร็จของกลยุทธ์ Growth-Led Strategy ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกกลุ่มธุรกิจ ด้วยการเร่งพัฒนาแปลงทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน และการเร่งผลักดันศักยภาพของทรัพย์สิน (Asset Stage Movement) เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและยั่งยืน พร้อมขยายพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพในกลุ่มโรงแรมและการบริการและกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลอย่างต่อเนื่องในโรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย โครงการเวิ้งนครเกษม เยาวราช โครงการ Jubilee Prestige Tower และโครงการ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท แบงก์ค็อก รัชดาภิเษก ซึ่งพัฒนาภายใต้แนวคิด AWC’s Lifestyle Destination ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทได้อย่างทันที เสริมความแข็งแกร่งของมูลค่าทรัพย์สินรวมให้เติบโตสู่ 209,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จากปี 2562 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานของบริษัท ณ ไตรมาสนี้อยู่ที่ 161,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 จากไตรมาสก่อน (QoQ) พร้อมสร้างกระแสเงินสดเติบโตก้าวกระโดด

กลุ่มธุรกิจโรงแรมเติบโตแข็งแกร่ง สร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง

แม้เศรษฐกิจไทยช่วงต้นปีเผชิญกับความผันผวนและท้าทาย แต่ AWC ยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าคุณภาพ โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการของ AWC เติบโตต่อเนื่อง ด้วยทรัพย์สินคุณภาพในทำเลท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ สร้างรายได้รวมกว่า 3,642 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 (YoY) โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6,663 บาทต่อคืน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 (YoY) ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) อยู่ที่ 4,992 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 (YoY) และเมื่อเปรียบเทียบกับพอร์ตโรงแรมเดิมในปี 2567 จะมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) อยู่ที่ 5,072 บาท เติบโตร้อยละ 7.7 (YoY) สูงกว่าตลาด 4 เท่า และเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 27 จากปี 2562 สะท้อนถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการอยู่ที่ 1,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากการเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรีสอร์ทระดับลักชัวรี ในจุดหมายปลายทางยอดนิยม ทั้งเกาะสมุย และกระบี่ ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก(RevPAR) เติบโตถึงร้อยละ 10.5 (YoY) ในขณะที่โรงแรมในกรุงเทพฯ และโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) ยังสามารถเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน

พอร์ตโฟลิโอโรงแรมของ AWC ยังคงแข็งแกร่งด้วยดัชนีการสร้างรายได้ (Revenue Generation Index หรือ RGI) เฉลี่ยอยู่ที่ 103 โดยเฉพาะกลุ่มรีสอร์ทระดับลักชัวรีและโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่มี RGI สูงถึง 119 และ 117 ตามลำดับ นอกจากนี้รายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มยังคงเติบโตโดดเด่น โดย “เอ-ญ่า” รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์ เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่สร้างรายได้สูงสุด ยืนยันถึงศักยภาพของการบริหารทรัพย์สินคุณภาพ และการร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกที่สามารถเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ High-to-Luxury ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลแข็งแกร่ง ขับเคลื่อนด้วยโมเดล AWC’s Lifestyle Destination

AWC ร่วมดูแลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรผู้เช่า ทำให้ไตรมาสที่ผ่านมามีอัตราการรักษาผู้เช่า (Retention Rate) สูงเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 99 แม้ภาพรวมในตลาดมีอัตราการโยกย้ายสูงก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกยังคงเชื่อมั่นในโมเดลอันเป็นเอกลักษณ์ของ AWC อาทิ โมเดลพื้นที่ Co-living และไลฟ์สไตล์ภายในอาคารสำนักงาน รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ สำหรับพันธมิตรจากกลุ่มโรงแรมในเครือ รวมถึงการให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารภายใต้มาตรฐานอาคารสีเขียว และมาตรฐานความปลอดภัยและความแข็งแกร่งของอาคาร เพื่อดูแลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ด้วยความมุ่งมั่นของการพัฒนาอาคารคุณภาพระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลของ AWC เติบโตแข็งแกร่ง ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและการพัฒนาภายใต้แนวคิด AWC’s Lifestyle Destination ครอบคลุมทั้งธุรกิจศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน โดยได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐช่วงต้นปี โดยในส่วนของธุรกิจศูนย์การค้า ภายหลังการปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ และพันธุ์ทิพย์ แอท งามวงศ์วาน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่เติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิด ด้านอาคารสำนักงาน AWC มุ่งพัฒนาแนว Lifestyle Workplace เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้เช่าคุณภาพสูงในยุคใหม่ ส่งผลให้ในไตรมาสนี้ กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลมีรายได้รวม 2,386 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 16.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ที่ 2,055 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 17.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ช่วยสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงให้แก่บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง

ขยายพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพ เสริมศักยภาพการท่องเที่ยวไทยสู่ระดับโลก

AWC เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 1/2568 ด้วยการขยายพอร์ตโฟลิโอทรัพย์สินคุณภาพเพื่อสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก โดยมีไฮไลท์สำคัญ อาทิ การเปิดตัวโรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของบริษัทในพัทยา ภายใต้โครงการ The Aquatique Destinations Pattaya การเปิด คลับอินเตอร์คอนติเนนตัล และ เดอะ ไอ สปา ที่ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมล้านนา ดึงกลุ่มสมาชิกคุณภาพจากเครือ IHG สู่ประเทศไทย และการเปิดโซน Food Lounge ใหม่ที่ศูนย์การค้าเกทเวย์ เอกมัย สร้างจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดตอบโจทย์ลูกค้าย่านเอกมัยที่มีอัตราการใช้จ่ายในระดับกลางถึงสูง และ AWC ยังเดินหน้าขยายพอร์ตในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและคอมเมอร์เชียลด้วยโครงการ Jubilee Prestige Tower จุดหมายปลายทางพื้นที่สันทนาการครบวงจรใหญ่ที่สุดแห่งแรกสำหรับ Leisure MICE ช่วยสร้างกระแสเงินสดได้ทันที โดยมีทั้งอาคารสำนักงาน และอาคารโรงแรมที่จะพัฒนาเป็นโรงแรม เจดับบลิว แมริออท แบงก์ค็อก รัชดาภิเษก (JW Marriott Hotel Bangkok Ratchadapisek) พร้อมทั้งเริ่มก่อสร้าง เวิ้งนครเกษม เยาวราช โครงการมิกซ์ยูสระดับแลนด์มาร์ก ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ AWC และพื้นที่จอดรถขนาดใหญ่ พร้อมเชื่อมต่อใจกลางย่านเยาวราชด้วยบริการรถแทรมไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน

นอกจากนี้ AWC ยังเตรียมสร้างความตื่นเต้นต่อเนื่องในไตรมาส 2 สำหรับกลุ่มลูกค้าครอบครัว ด้วยแผนเปิดตัว โรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา และการเปิดตัวโครงการ Jurassic World: The Experience ที่จะร่วมสร้างความประทับใจและคุณค่าระยะยาวบนพื้นที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น โดยการเติบโตเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนถึงมูลค่าทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นของพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพของ AWC แต่ยังตอกย้ำศักยภาพในการสร้างกระแสเงินสดอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

มุ่งมั่นยกระดับศักยภาพธุรกิจและความยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนไทยสู่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลกตามพันธกิจ “Building Better Future For All”

แม้เศรษฐกิจไทยช่วงต้นปีเผชิญกับความผันผวน AWC ยังคงเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง มุ่งเน้นตลาดที่มีศักยภาพสูง และการร่วมมือกับพันธมิตรเครือโรงแรมชั้นนำระดับโลกที่มีเครือข่ายนักท่องเที่ยวคุณภาพกว่า 650 ล้านคนทั่วโลก และการกระจายกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ด้วยกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงและบริหารจัดการผลกระทบอย่างเป็นระบบ สามารถเสริมผลตอบแทนของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน บริษัทยังให้ความสำคัญสูงสุดกับมาตรฐานความปลอดภัย โดยเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทสามารถดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างอาคารทุกโครงการในพื้นที่แผ่นดินไหวอย่างรวดเร็ว และได้รับการรับรองมาตรฐาน 3 ระดับทั้งจากวิศวกรภายใน พันธมิตร และหน่วยงานตรวจสอบอาคารอิสระ ทำให้สามารถสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย และได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรและลูกค้าที่มีต่อทรัพย์สินในเครือ AWC

บริษัทยังเดินหน้ายกระดับศักยภาพธุรกิจด้วยการดำเนินงานอย่างยั่งยืน โดยมีผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency Plan) ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทในไตรมาสที่ผ่านมา ด้วยการลดใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้ 4,084 เมกะวัตต์-ชั่วโมง และใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ 1,098 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 19.4 ล้านบาท เทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2,590 ตัน-คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะภายในโครงการ การดำเนินโครงการ reConcept เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงการสนับสนุนและร่วมงานกับชุมชนเพิ่มขึ้นผ่านโครงการ เดอะ GALLERY

พร้อมกันนี้ ในไตรมาสที่ผ่านมา AWC ยังได้รับคะแนนด้านความยั่งยืนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ จากการประเมินของ Dow Jones Best-in-Class Indices และเป็นสมาชิก S&P Global Sustainability Yearbook ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 รวมถึงการได้รับรางวัล Thailand’s Top Corporate Brands 2024 ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตอกย้ำการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดของประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าอย่างเป็นรูปธรรมให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมเชิญชวนพันธมิตรทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนและสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้ทุกคนไปด้วยกัน

Back